เกาะร้างเปี่ยมรัก
ตอนที่ 1
รถตู้สีดำคันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพักตากอากาศริมทะเลหลังใหญ่
เสียงล้อบดทับก้อนกรวดปูถนนเรียกให้เด็กรับใช้ในบ้านรีบออกมาต้อนรับ
พวกหล่อนรอการมาถึงของแขกคนสำคัญกลุ่มนี้มาตั้งแต่เช้า จนตะวันบ่ายคล้อยใกล้ค่ำคณะเดินทางที่บอกให้เตรียมสำรับมื้อเที่ยงเอาไว้กลับเพิ่งจะมาถึง
คนขับรถอันเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด
ก้าวกระโดดลงจะรถด้วยรีบเร่ง
ร่างในชุดเครื่องแบบสีเทาแล่นอ้อมหน้ารถมายังประตูห้องโดยสาร
แล้วเปิดมันออกอย่างนุ่มนวลขัดกับอาการรีบร้อนของเขาในทีแรก
ผู้ที่ก้าวลงจากรถเป็นคนแรกคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าคมคายและเรือนผมสีฟ้าสะดุดตา
เขาแต่งกายในชุดลำลองอย่างวัยรุ่น แต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับแต่ละชิ้นนั้นราคาแพงกว่าเงินเดือนของคนวัยทำงานหลายๆ
คน ลำพังแค่แว่นตากันแดดสีชาของเขาก็มีราคาร่วมหลายหมื่นแล้ว
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณหนู
เดินทางมาไกลเหนื่อยมากไหมคะ? เข้าไปพักข้างในก่อนเถอะค่ะ”
ป้าอิ่มแม่บ้านอาวุโสปรี่เข้ามารับหน้าคุณหนูคนเดียวของบ้าน
สายตาของนางยามที่มองคุณหนูนั้นเปี่ยมไปด้วยความรัก
สำหรับนางแล้วไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไรคุณหนูพายุก็ยังเป็นเด็กน้อยๆ ที่นางคอยเฝ้าดูแลอยู่เช่นเดิม
นางดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นหน้าคุณหนู และยิ่งนานๆ
ทีคุณหนูจะกลับมาที่บ้านชายทะเลเช่นนี้ นางยิ่งแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยอิ่มเอิบใจ
พายุทักทายหญิงชราเพียงสั้นๆ
ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเพื่อนๆ ของเขาที่ทยอยลงมาจากรถ กิริยาเช่นนั้นทำให้บรรดาแม่บ้านหันมาให้ความสนใจกับแขกคนอื่นๆ
ด้วย
โดยเฉพาะป้าอิ่มที่เคยได้ยินกิตติศัพท์มาบ้างว่าคุณหนูของนางนั้นคบคนที่ไม่น่าคบเอาเสียเลย
ผู้ที่มาเพิ่มเติมอีกห้าคนนั้นเป็นชายเสียสามและเป็นหญิงอีกหนึ่ง
แต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใสดูไม่มีพิษมีภัย น่าแปลกที่คุณท่านบ่นไม่ชอบใจเด็กๆ
กลุ่มนี้เสียมากมาย ทั้งยังย้ำหนักหนาว่าให้นางดูแลคุณหนูพายุให้ดี
แต่ป้าอิ่มก็หลงผิดไปได้เพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
เพราะหลังจากยืดเส้นยืดสายกันพอสมควรแล้วพวกเพื่อนๆ
ของคุณหนูก็เริ่มออกลายให้น่าปวดหัว คนหนึ่งร้องหาสุราตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด อีกคนก็โยนถุงพลาสติกที่น่าจะบรรจุเสื้อผ้าเปียกเอาไว้ให้แม่บ้านเอาไปซัก
และคู่รักหนุ่มสาวก็เริ่มพลอดรักกันโดยไม่สนใจสายตาใครแถวนั้น
ส่วนอีกคนแม้จะไม่โวยวายแต่ก็ไม่ทักทายใครๆ ในบ้านราวกับมองไม่เห็น
เอาแต่พูดคุยกับคุณหนู และชวนกันเข้าไปพักผ่อนในบ้าน
เหล่าคนที่มาต้อนรับจึงได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
“พวกเราก็เอาของคุณๆ ขึ้นไปเก็บก่อนเถอะ
แล้วก็ให้คนยกน้ำยกขนมไปให้พวกคุณๆเขาด้วย” ป้าอิ่มหันไปสั่งงานพวกเด็กๆ ที่ดูจะยังตกใจไม่หาย
“เราก็ไปพักซะหน่อยนะ
มีห้องพักคนงานอยู่ทางด้านโน้นเดี๋ยวจะให้เด็กมันพาไป ขับรถมาเหนื่อยๆ
เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งเอา ว่าแต่นี่ทานข้าวกันมาหรือยัง?”
แล้วหญิงชราก็หันมากล่าวกับคนขับรถที่ยืนเงียบอยู่
“พวกคุณๆ
เขาทานกลางวันกันแล้วที่น้ำตกแล้วล่ะครับ ตอนนี้ก็คงจะเหนื่อยแล้วก็เพลียมากกว่า”
คนขับรถตอบหญิงชราที่อาวุโสกว่าอย่างสุภาพ
“แล้วเราล่ะทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลยครับ
พวกคุณๆ ใช้ให้ไปซื้อนั่นซื้อนี่ไม่หยุด กว่าจะได้พักก็ได้เวลาออกรถพอดี”
คนขับรถได้ทีก็โอดครวญเสียชุดใหญ่
ฟังจากน้ำเสียงและดูจากสีหน้าก็พอจะรู้ว่าไม่ชอบเด็กๆ กลุ่มนี้เอาเสียเลย
ป้าอิ่มดูอาการคนขับรถรุ่นลูกแล้วก็อมยิ้ม
นางตบไหล่คนขับรถอย่างปลอบใจพลางว่า “เด็กๆ ก็แบบนี้แหละ อย่าไปคิดมากเลย
มันจะรกอกรกใจเปล่าๆ ตอนนี้เราก็หมดหน้าที่แล้วนี่ ไปกินข้าวพักผ่อนให้สบายเถอะ
ถ้าคุณหนูอยากจะไปไหนหรือเรียกใช้ใครแถวนี้ก็มีคนอีกตั้งเยอะแยะให้เรียกใช้
ไม่ต้องห่วงหรอกนะ”
“ขอบคุณครับป้า”
คนขับรถที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงเต็มทียกมือไหว้หญิงชราท่วมหัว ก่อนจะปลีกตัวไปพักผ่อน
ขณะเดียวกันที่อีกมุมหนึ่งของบ้านซึ่งถูกบดบังไว้ด้วยแนวรั้วต้นไม้หนาทึบ
คนงานกำลังเร่งขนข้าวของลงจากรถกระบะเพื่อจัดเตรียมงานเลี้ยงในคืนนี้
ผู้ที่ยืนคุมงานอยู่นั้นคือหัวหน้าคนงานนามว่า ‘อรรณพ’
เขาเป็นชายรูปร่างสูงโปร่งที่ไว้ผมยาวถึงกลางหลัง
ศีรษะโพกไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่งอย่างลวกๆ ขอบผ้าบดบังแนวคิ้วจนมิด มองเห็นเพียงดวงตาคมดุดันคู่หนึ่งสุกสกาวอยู่ท่ามกลางหนวดเคราที่รกครึ้ม
ทั้งหมดนี้เมื่อประกอบเข้ากับการเป็นคนนิ่งๆ
พูดน้อยจึงทำให้อรรณพเป็นคนที่ดูน่ากลัวในสายตาของผู้อื่น
ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทที่คบหากันมาหลายปี ทั้งๆ
ที่ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนดุหรือโหดร้ายอะไรเลย
“เฉย! มัวเหม่ออะไรอยู่?”
เสียงตวาดไม่ดังนักทำให้นายเฉยตกใจจนสะดุ้งโหยง ชายกลางคนฟันหลอหน้าตาสดใสหันกลับมาหาหัวหน้าคนงาน
ส่งยิ้มประจบประแจงราวกับจะขอลุแก่โทษ บอกว่า
“เฉยไม่ได้เหม่อนะนาย
เฉยมองคุณหนูตะหาก ไม่ได้เห็นตั้งกะตัวกะเปี๊ยกเดียว เดี๋ยวนี้เป็นหนุ่มแล้ว”
อรรณพมองผ่านแนวรั้วต้นไม้ไปทางหน้าเรือนใหญ่ก็เห็นรถตู้ราคาแพงจอดอยู่
ใกล้กันนั้นมีพวกคนดูแลบ้านและเด็กหนุ่มสาวอีกห้าคน เป็นชายสี่ หญิงหนึ่ง ผู้ชายทั้งสี่คนนั้น
คะเนจากสายตาก็พอจะเดาได้ว่าแต่ละคนนั้นสูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร
อรรณพจำได้ว่าชายหนุ่มหน้าคมประพิมพ์ประพายคล้ายคุณท่านนั้นคือคุณหนูพายุ แต่เพราะผมสีฟ้าสดใสนั่นทำให้เขาเกือบจะจำคุณหนูไม่ได้ในทีแรก
“คุณหนูมาแล้วก็รีบขนของเข้าสิ
เดี๋ยวก็เตรียมของไม่ทันหรอก” อรรณพหันมาพูดกับคนของตน
ก่อนจะหันไปเร่งคนงานคนอื่นๆ ที่มัวแต่จ้องสาว ทำเอาพวกนั้นสะดุ้งกันไปเป็นแถบๆ
ต่างคนต่างหลบสายตา (ที่คิดกันไปเองว่า) ดุดันของหัวหน้า
เร่งขนของสดและลังเครื่องดื่มจากรถส่งของไปที่โรงครัวเป็นการใหญ่
เย็นนี้คุณหนูกับเพื่อนๆ จะจัด ‘ปาร์ตี้’
กันหากเตรียมของไม่ทันคงจะเป็นปัญหาน่าดู
อรรณพเฝ้าดูคนงานขนของจนครบหมดทุกกล่อง
และตรวจนับให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรขาดไป
ถึงเงินที่ใช้ซื้อของในครั้งนี้จะไม่ใช่เงินของเขาแต่อรรณพก็ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดขึ้นแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเสร็จจากงานตรงนี้แล้วเขาก็ปลีกตัวไปตรวจสอบความเรียบร้อยที่ ‘บ้านนก’ เป็นลำดับต่อไป
‘บ้านนก’ ที่ว่านี้คืออาคารหลายชั้นที่สร้างเลียนแบบถ้ำเพื่อให้นกนางแอ่นเข้ามาทำรังจะได้สามารถเก็บรังของพวกมันไปขายได้
การทำบ้านนกนั้นดูเหมือนง่ายแต่ก็ไม่ง่าย
ในฐานะคนดูแลอรรณพต้องหมั่นตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านนกอยู่เสมอ
แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเขาจะไม่เข้าไปข้างใน แค่ตรวจดูมาตรบอกความชื้นและภาพวงจรปิดที่อยู่ในสำนักงานเท่านั้น
เพราะพวกนกนั้นค่อนข้างอ่อนไหวต่อการบุกรุกเป็นอย่างมาก
แม้แต่คนที่จะเข้าไปเก็บรังนกอรรณพยังต้องคัดเลือกไว้เพียงอาคารละสองคนเท่านั้นเพื่อไม่ให้พวกนกผิดกลิ่นจนไม่ยอมกลับมาทำรังอีก
ตรวจความเรียบร้อยของบ้านนกเสร็จแล้วอรรณพก็ตรวจทานบัญชีอยู่ในสำนักงานต่ออย่างไม่คิดจะหยุดพัก
มันเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้วสำหรับคนงานทั้งหลายที่ไฟสำนักงานจะเปิดอยู่จนกระทั่งดึกดื่น
อรรณพทำงานเหมือนไม่มีเวลาเลิกงาน เมื่อเริ่มแล้วก็จะทำงานต่อไปเรื่อยๆ
ไม่ยอมหยุดพัก สถิติสูงสุดของเขาคือสี่วันสี่คืน ก่อนที่จะล้มทั้งยืน และหลังจากนั้นอรรณพก็ถึกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้โหมทำงานหนักไม่ว่าในกรณีใดๆ
ทั้งสิ้น
อรรณพเลิกงานตอนสามทุ่มกว่าๆ และหวังว่าจะไปขอฝากท้องกับป้าอิ่มเหมือนเช่นทุกครั้ง
แต่ขณะที่เดินเลียบชายหาดกลับไปยังบ้านพักหูก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวแว่วมาตามสายลม
ร่างสูงชะงักเท้า เงี่ยหูฟังให้แน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงคนร้องจริงๆ
ไม่ใช่เสียงลมหรือพวกสัตว์กลางคืน ก่อนจะออกวิ่งสุดฝีเท้าเมื่อมั่นใจแล้วว่าเสียงนั่นคือเสียงคนขอความช่วยเหลือจริงๆ
ที่หาดหลังบ้านมีกองไฟกองใหญ่ลุกโชนอยู่
รอบๆ จัดวางโต๊ะ เก้าอี้ และเตาย่างอาหารทะเลไว้อย่างพร้อมสรรพ
เสียงเพลงดังในจังหวะสนุกสนาน กลิ่นอายของงานเลี้ยงยังคงอบอวลไปทั่ว แต่สิ่งที่อยู่ในความสนใจของอรรณพกลับมีเพียงหญิงสาวที่กำลังกรีดร้องและดิ้นรนอยู่ในวงล้อมของชายสามคน
แสงจากกองไฟทำให้อรรณพรู้ว่าที่กำลังมีเรื่องกันอยู่คือบรรดาเพื่อนของคุณหนูนั่นเอง
และที่น่าหงุดหงิดใจเป็นที่สุดก็คือการที่ได้เห็นคุณหนูนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีฟ้าสะดุดตานั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวยังคงดังอยู่ พร้อมกับถ้อยคำร้องขอความเมตตาจากชายทั้งสามคน
ซึ่งหนึ่งในนั้นอรรณพจำได้ว่าเป็นแฟนหนุ่มของหล่อนเอง
แต่คนเหล่านั้นกลับไม่ฟังหล่อนเลยแม้สักพยางค์หนึ่ง
ซ้ำร้ายชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของหล่อนกลับกล่าวย่ำยีจิตใจของหล่อนจนไม่เหลือชิ้นดี
“มึงจะสะดิ้งทำไมวะ ของเคยๆ กันอยู่เพิ่มเพื่อนกูมาจะเป็นไร?”
ถ้อยคำอันน่าขยะแขยงเช่นนั้นทำให้เส้นอารมณ์ของอรรณพขาดผึง ร่างสูงพุ่งตัวเข้าไปกระชากคอเสื้อสองในสามให้ถอยห่างออกไป
ก่อนจะแทรกตัวเข้าไประหว่างชายอีกคนและหญิงสาว
ใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเกราะกำบังให้แก่หล่อน
ผู้ที่กำลังสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวและเสียใจ
“พวกคุณทำบ้าอะไรกัน!” หัวหน้าคนงานตวาดก้อง
เสียงของเขาดังพอที่จะเรียกให้คนในบ้านออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
และก็ดังพอที่จะปลุกความกล้าใจใจของพวกที่ซุ่มดูอยู่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรให้ออกมายืนหยัดเพื่อความถูกต้อง
“นายนั่นแหละมายุ่งอะไรด้วย!” พายุที่นิ่งเฉยมาตลอดตวาดกลับ
ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสัด ย่างเข้ามาประจัญหน้ากับอรรณพ ท่วงท่าของเขาเซซังเล็กน้อยด้วยฤทธิ์ของน้ำเมาที่ดื่มเข้าไป
ชายหนุ่มจ้องหน้าอรรณพอย่างเอาเรื่อง
สำหรับพายุแล้วอรรณพเป็นคนแปลกหน้าที่บุกรุกเข้ามากระทำหยาบคายต่อเพื่อนของเขา
และทำให้เขาเสียหน้า แถมยังทำให้ ‘โชว์เด็ด’
ที่เหล่าเพื่อนสัญญาว่าจะแสดงให้เขาได้ชมพังลงอย่างไม่เป็นท่าไปเสียด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกันคะคุณอัน คุณหนู?” ป้าอิ่มที่เพิ่งวิ่งมาถึงถามเสียงตื่นมองคนนั้นคนนี้ทีอย่างตกใจและสับสน
แต่เมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังอรรณพ หญิงสูงวัยก็ร้องอุทานออกมาคำหนึ่ง
ถลาเข้าไปประคองหญิงสาวทันที
“ตายแล้ว! แม่หนูเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะคะคุณอัน”
“ป้าอิ่มถามคุณหนูของป้ากับเพื่อนๆ
ดีกว่าครับว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นที่นี่” อรรณพตอบเสียงแข็ง
สายตาคมกร้าวจ้องเขม็งไปยังวัยรุ่นทั้งสี่
สองมือของอรรณพกำแน่นอย่างที่ป้าอิ่มเข้าใจดีว่าชายหนุ่มต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการควบคุมอารมณ์ของตน—อรรณพเกลียดการใช้ความรุนแรงทุกชนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรุนแรงทางเพศ และมันก็เป็นการยากเหลือเกินที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้ใช้ความรุนแรงที่แสนชัง
ป้าอิ่มกอดหญิงสาวเอาไว้แน่นหันไปกระซิบบอกให้ใครสักคนหาผ้ามาห่อตัวให้เธอ
ก่อนจะหันไปถามคุณหนูของนางว่า “มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณหนู?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับป้าอิ่ม เพื่อนๆ
ผมมันแค่เล่นหยอกกันเท่านั้นแหละ” พายุบอกปัดเพราะแต่ไหนแต่ไรมาเพื่อนของเขาก็ชอบ ‘เล่น’ กันเป็นหมู่คณะอยู่แล้ว
แต่ก็เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่สาวเจ้าดูจะเล่นตัวมากกว่าครั้งไหนๆ
คำพูดของพายุทำให้อรรณพตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจ
แลถามเสียงกระแทกว่า “พยายามข่มขืนนี่นะหรือที่บอกว่าเล่น!” เสียงและถ้อยคำของอรรณพดุดันจนคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องสะดุ้งกันไปหมด
ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
คนงานบางคนที่เป็นพยานรู้เห็นก็กระซิบกระซาบบอกเล่าเรื่องราวในมุมของตนให้เพื่อนฟัง
บรรยากาศที่น่าอึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว ไม่มีคนงานคนใดกล้าพูดหรือทำอะไร เพราะคนหนึ่งก็เป็นลูกชายของเจ้านาย
และอีกคนหนึ่งก็เป็นหัวหน้าที่พวกตนยำเกรงไม่แพ้คุณท่านที่เป็นเจ้านายใหญ่
“แล้วมึงจะมายุ่งอะไรด้วยนั่นแฟนกูนะ!”
หนึ่งในเพื่อนของคุณหนูตะคอกถามขึ้นมา สีหน้ากับน้ำเสียงของเขาสื่อชัดถึงความไม่พอใจ
และยังไม่สำนึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไปเลยแม้แต่น้อย
“คนเป็นแฟนกันยิ่งต้องไม่ทำแบบนี้!”
อรรณพตวาดลั่น ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องด้วยเสียงอันดังว่า
“เฉยเรียกตำรวจมาจับพวกนี้ขึ้นโรงพักให้หมดทุกคน รวมถึงคุณหนูด้วย!”
“ว่าไงนะ!”
สิ้นเสียงของอรรณพชายคนที่เป็นแฟนกับหญิงสาวผู้เสียหายก็ปราดเข้ามากระชากคอเสื้อของหัวหน้าคนงานทันที
หญิงสาวและป้าอิ่มที่อยู่ใกล้กรีดร้องออกมาด้วยตกใจ คนงานชายคนอื่นๆ
ก็ทำท่าจะเข้ามาแยกแต่ก็ถูกอรรณพห้ามด้วยสายตาเสียก่อน
“ผมบอกว่าจะแจ้งจับพวกคุณทุกคน” อรรณพกล่าวเสียงนิ่ง
แววตาดุดันจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรง
“แล้วนายเป็นใครถึงได้เข้ามายุ่งเรื่องของพวกฉัน
ก็บอกไปแล้วไงว่าเล่นกัน!” พายุพูดขึ้นบ้าง ท่าทางของเขาสงบกว่าเพื่อนอีกสามคนมาก แต่กระนั้นก็ยังปิดความขุ่นเคืองในน้ำเสียงไม่มิด
ชายหนุ่มเห็นแล้วว่าป้าอิ่มที่เป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านดูจะเกรงใจผู้ชายหน้าตาดิบเถื่อนตรงหน้าไม่น้อย
ดังนั้นแม้จะไม่ชอบหน้าอรรณพสักเท่าไหร่ เขาก็เลือกที่จะคุยดีๆ ไม่ใช้กำลังเหมือนอย่างเคย
“คุณอันเป็นหัวหน้าคนงานที่นี่ค่ะคุณหนู”
กลับเป็นป้าอิ่มที่เป็นฝ่ายตอบคำถามนั้น หญิงชราส่งตัวหญิงสาวผู้ซึ่งกำลังขวัญเสียให้เกดสาวใช้อีกคน
เพื่อที่นางจะได้ทำหน้าที่คนกลางไกล่เกลี่ยได้อย่างถนัด “ป้าขอร้องทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันเลยนะคะ”
นางอ้อนวอนต่อทั้งสองคน
แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่เพื่อนของคุณหนูทำนั้นไม่ถูกต้อง
แต่นางก็รักและเป็นห่วงคุณหนูเกินกว่าที่จะยอมให้เรื่องถึงตำรวจ
เพราะหากเป็นเช่นนั้นพายุอาจจะโดนหางเลขไปด้วย “ป้ารู้ว่าสิ่งที่พวกคุณๆ เขาพยายามจะทำมันไม่ถูกต้อง
แต่นั่นก็คงจะเป็นเพราะเมามากเลยไม่ทันคิด อีกอย่างหนูคนนั้นก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
คุณอันก็อย่าไปแจ้งควาให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ”
“แล้วป้าจะให้ปล่อยไปเฉยๆ หรือครับ?” อรรณพหันมาถาม
น้ำเสียงไม่พอใจเป้นอย่างมาก
แต่กระนั้นก้ทำเสียงดุใส่ป้าอิ่มที่เป็นเหมือนแม่อีกคนของเขาไม่ลง “ดูยังไงเด็กพวกนี้ก็ไม่สำนึกเลยสักนิด
และถึงครั้งนี้จะไม่สำเร็จแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีครั้งต่อไป
ดีไม่ดีอาจจะเคยทำกันมาแล้วก็ได้ถึงได้ย่ามใจทำเรื่องพรรค์นั้นในที่แจ้ง แถมยังมีคนอยู่เต็มไปหมดแบบนี้”
“ป้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ
ป้าแค่ไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ คุณๆ เขาก็เมากันมากด้วย
เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเรียกมาอบรมกันนะคะ”
อรรณพเงียบไปนานทีเดียว
ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างจำยอมว่า “ก็ได้ครับ ผมไม่แจ้งตำรวจก็ได้” พูดแล้วอรรณพก็หันไปส่งสัญญาณให้กับลูกน้องที่ยืนมุงกันอยู่อย่างห่างๆ
และหันมาบอกกับหญิงชราว่า “แต่เรื่องอบรมผมขอจัดการเองก็แล้วกันนะครับป้าอิ่ม”
แล้วอรรณพก็ทำตามที่พูดจริงๆ
เขาให้คนงานสามคนคุมตัวเพื่อนของคุณหนูที่ตั้งท่าจะขัดขืนอีกครั้งเข้าไปในบ้าน และร้องสั่งนายเฉยให้ไปเตรียมรถ
“คืนนี้ไปพักที่โรงแรมของเราก่อนก็แล้วกันนะครับ
ผมรับรองว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณอีก”
อรรณพบอกกับหญิงสาวผู้ที่กำลังขวัญเสีย ก่อนจะให้สาวใช้สองคนไปช่วยเธอเก็บข้าวของ
หญิงสาวพยักหน้าพลางร้องสะอื้น ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำได้
ดูเหมือนเธอก็ไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับกลุ่มคนที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นคนของเธอเช่นกัน
“ป้าอิ่มก็พาคุณหนูขึ้นห้องเถอะครับ”
อรรรพหันไปบอกกับหญิงชราที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่ข้างคุณหนูของนาง ผู้ซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
อรรณพเองก็พอจะมองออกว่าพายุไม่ชอบหน้าเขาเอามากๆ
และต้องใช้ความพยายามอย่างมากทีเดียวที่จะยอมอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
เมื่ออรรณพบอกมาอย่างนั้นป้าอิ่มก็หันไปข้อร้องกึ่งอ้อนวอนให้พายุยอมเข้าไปในบ้าน
ซึ่งชายหนุ่มก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี แต่ในขณะที่เดินผ่านอรรณพไปนั้นเองพายุก็พูดขึ้นให้ได้ยินเพียงสองคนว่า
“เป็นแค่ลูกจ้างคราวหลังอย่าสะเออะมาสั่งเจ้านาย”
“ที่นี่ผมมีสิทธิ์สั่งได้ทุกคนยกเว้นคุณท่าน”
อรรณพตอบกลับไปด้วยเสียงที่เบาพอกัน
แต่กระแสเสียงนั้นบอกชัดว่าเขาไม่ได้กลัวเกรงลูกชายคนเดียวของเจ้านายเลยแม้แต่น้อย
พายุจ้องตาอรรญพอย่างเอาเรื่อง
“ฉันจะให้พ่อไล่นายออก”
“เชิญครับ” คำพูดของอรรณพยิ่ทำให้พายุจ้องหน้าเขาเขม็งก่อนจะเดินปึงปังเข้าบ้านไป
ฝ่ายอรรณพก็มองตามไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เขาหันไปสั่งงานคนงานที่เริ่มเข้ามาเก็บกวาดพื้นที่โดยไม่ต้องให้บอกว่า
“วันนี้เพิ่มเวรยามในบ้านด้วย
อย่าให้มีคนเมาที่ไหนไล่ปล้ำคนในบ้านเราอีก
แล้วก็อย่าให้เพื่อนคุณหนูชิงกลับไปก่อนด้วย”
“นายไม่ต้องห่วงพวกผมไม่ปล่อยคนพวกนั้นทำอะไรอีกแน่”
คนงานคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างแข็งขัน พวกเขาเองต่างก็ไม่พอใจในการกระทำของชายทั้งสาม
และรวมไปถึงตัวคุณหนูเองด้วยที่ไม่ได้ห้ามปรามเพื่อนของตัวเองเลย
ติดแต่เพียงว่าพวกเขาขลาดกลัวเกินกว่าจะประจันหน้ากับเจ้านาย
แต่เมื่อหัวหน้าออกโรงเองเช่นนี้พวกเขาก็พร้อมที่จะร่วมด้วย
“ดี” อรรณพพยักหน้าอย่างพอใจ
ก่อนจะหันไปสบตากับลูกน้องคนสนิทที่ไม่ได้รับมอบหมายให้ไปอบรมตัวการทั้งสามคนนั้นว่า
“พวกนายก็ไปตามสืบเรื่องของเด็กพวกนั้นด้วยก็แล้วกัน
คุณท่านเองก็เคยบอกฉันว่าเพื่อนๆ คุณหนูกลุ่มนี้ไว้ใจไม่ได้ ถ้าพวกนั้นเคยมีประวัติจะได้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด
แล้วจะได้กันคุณหนูออกไปด้วย”
“ครับนาย
แต่ถ้า---คุณหนูร่วมด้วยล่ะครับ” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างไม่รู้จะเต็มเสียงนัก
ด้วยกลัวว่าหัวหน้าจะโกรธที่ตนกล้าพูดถึงคุณหนูในแง่ร้ายเช่นนั้น
“ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย” อรรรพกล่าวเพียงแค่นั้นก็ผละจากไป
ทิ้งให้พวกคนงานยืนมองหน้ากันอย่างสไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำตามที่หัวหน้าของตนบอกได้จริงๆ
หรือไม่ หากว่าคุณหนูของพวกเขาเคยทำเรื่องผิดพลาดมาจริงๆ
อรรณพตามไปส่งหญิงสาวผู้เสียหายที่โรงแรม
โดยมีเกดอาสานอนเป็นเพื่อนด้วย เนื่องจากไม่อยากปล่อยให้หญิงสาวต้องอยู่เพียงลำพังหลังจากที่เพิ่งผ่านสถานการณ์เลวร้ายมา
“พักที่นี่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ
น้องชายผมเป็นผู้จัดการอยู่ที่นี่ มีอะไรเรียกใช้มันได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย”
อรรณพบอกกับหญิงสาวอีกครั้งตอนที่พาหญิงสาวทั้งสองมาส่งที่ห้อง
มันเป็นห้องพิเศษที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารหลัก เป็นจุดที่ปลอดภัยจากคนนอกมากที่สุด
และสำหรับคนในเองอรรณพก็เชื่อใจคนของเขา
หรืออย่างน้อยคนเหล่านั้นก็วางใจได้มากกว่าเพื่อนๆ ของคุณหนูแน่นอน
อรรณพตรวจดูกลอนประตูหน้าต่างภายในห้องอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
ก่อนจะขอตัวกลับเพื่อให้สองสาวได้พักผ่อนกันเสียที
“ขอบคุณมากนะคะ”
หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณอรรณพจากใจจริง เธอยังดูเสียขวัญอยู่แม้จะสงบลงบ้างแล้วก็ตาม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็ผิดที่ดูแลความปลอดภัยให้ไม่ดีพอ
ถือเสียว่านี่เป็นคำขอโทษจากผมก็แล้วกันนะครับ” อรรณพกล่าวยิ้มๆ
แต่รอยยิ้มของเขาก็ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดใต้หนวดเคราอันรกครึ้ม
คงมีแต่ดวงตาเท่านั้นที่ทอแสงอ่อนโยนจนสัมผัสได้
แม้ว่าอีกฝ่ายแทบจะเรียกได้ว่าไม่รู้จักกัน
ระหว่างเดินทางกลับกระเพาะเริ่มประท้วงร้องขออาหารอรรณพจึงต้องแวะร้านข้าวต้มโต้รุ่งข้างทางอย่างเสียไม่ได้
และในระหว่างที่ทานข้าวอยู่นั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
“ครับคุณท่าน อันพูดครับ”
“เจ้าพายุมันก่อเรื่องใช่ไหม?” เสียงของผู้มีพระคุณดังตอบมาทันที
ดูเหมือนว่าคุณท่านจะทราบเรื่องในคืนนี้แล้ว
“จริงๆ แล้วเป็นเพื่อนของคุณหนูครับ
แต่คุณหนูก็ไม่ได้ห้าม” อรรณพตอบไปตามจริง
“เฮ้อ!
เจ้าลูกคนนี้นี่ชักจะเสียคนใหญ่แล้ว คบเพื่อนก็มีแต่เพื่อนเกเรทั้งนั้น”
แว่วสียงบ่นพึมพำมาตามสาย ดูเหมือนว่าคนเป็นพ่อจะห่วงลูกชายไม่น้อยเลยทีเดียว
“ผมสั่งให้คนตามสืบกับจับตาดูเอาไว้แล้วครับคุณท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
“เธอนี่รู้ใจฉันจริงๆ เลยนะอัน”
คุณท่านหัวเราะอย่างชอบใจ
เพราะอย่างนี้แหละเขาถึงได้วางใจให้อรรณพดูแลกิจการรังนกที่ภาคใต้ทั้งหมด
และบางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะฝากฝังสิ่งที่สำคัญกว่ากิจกรรังนกให้อรรณพดูแล
“อัน ฉันขออะไรสักอย่างได้ไหม?”
“อะไรครับ?”
“ช่วยดัดนิสัยลูกชายฉันที”
“ครับ
ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะลองพูดกับคุณหนูดูนะครับ”
“อืม ก็ลองพูดกับมันดูหน่อยก็แล้วกัน
แต่ฉันว่ามันก็คงจะไม่ฟังหรอก น่าส่งไปดัดสันดานเสียมากกว่า”
ผู้เป็นพ่อบ่นถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง แล้วก็ถอนหายใจ
“เอาอย่างนี้ดีกว่าอัน นายไปจัดเตรียมของให้พร้อม พรุ่งนี้ฉันจะส่งลูกไปอยู่เกาะสองกับนาย”
“อะไรนะครับ?”
หัวหน้าคนงานทวนคำอย่างไม่อยากจะเชื่อหู มือที่ถือตะเกียบชะงักกึก จนลูกชิ้นร่วงลงน้ำเสียงดังจ๋อม
หน้าตาของอรรณพคงจะตลกมากทีเดียว หากว่าใบหน้าของเขาไม่ได้ปกคลุมไปด้วยหนวดเครา
“ก็อย่างที่บอก
ฉันจะส่งพายุไปดัดนิสัยที่เกาะสอง เริ่มไปอยู่ตั้งแต่พรุ่งนี้เลย
เพราะถึงอย่างไรมันก็ปิดเทอมอยู่พอดี ฝากนายดูแลมันด้วยก็แล้วกัน”
“แต่คุณท่านครับ เรื่องงาน---”
อรรณพตั้งท่าจะแย้ง เพราะหากเขาต้องไปอยู่เกาะก็จะไม่มีคนมาดูแลงานในส่วนของเขาแทน
ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่ต่อกิจการของคุณท่านได้
“เรื่องงานก็ให้หัวหน้าฝ่ายแต่ละฝ่ายดูแลไปเหมือนเดิมนั่นแหละ”
แต่พูดยังไม่ทันจะจบประโยค ผู้เป็นนายก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
น้ำเสียงดูจะไม่เป็นกังวลสักเท่าไหร่ที่หัวเรือทางภาคใต้จะต้องหยุดงานไปสักพัก
“แล้วงานในส่วนของนายก็ให้ธารรับผิดชอบแทน เรื่องแค่นี้ไม่เป็นปัญหาหรอกน่า”
ในเมื่อเจ้าของกิจการพูดมาอย่างนั้นมีหรือที่อรรณพจะขัดได้
หัวหน้าคนงานจึงได้แต่รับคำและจัดการตามความประสงค์ของผู้เป็นนาย
=================จบตอนที่ 1===============
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ